รีวิว Mafia Definitive Edition เป็นเกมที่โดดเด่นในเรื่องของการเล่าเรื่องของเหล่าสุภาพบุรุษตัวร้ายที่เข้มข้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา จนกลายมาเป็นซีรีส์เกมที่มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจที่สุด และในปีนี้เราก็ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การรีเมคของเกมอีกครั้ง ซึ่งน่าจะทำให้แฟนเกมเก่า ๆ ของเกมมีความสุขไม่น้อย
เรื่องราวในเกมจะเริ่มต้นที่เมือง Lost Haven เมืองท่าที่เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีท่าเรือ โรงงาน และแก๊งมาเฟียที่คอยควบคุมธุรกิจของเมืองอยู่เบื้องหลัง คุณคือทอมมี่ แองเจโล คนขับแท็กซี่ที่ชะตากรรมเปลี่ยนไปจนเข้าไปพัวพันกับแก๊ง Salarii ที่มีอิทธิพลของเมือง และเส้นทางของเขาในถนนสายอาชญากรรมอันนองเลือดก็เริ่มต้นขึ้น
หากคุณเคยเล่นเกมต้นฉบับมาก่อน คุณจะสังเกตเห็นได้ทันทีว่าเรื่องราวของภาคนี้ได้รับการตีความใหม่ตั้งแต่ต้นเกม แม้ว่าแกนหลักและตอนจบจะยังคงเหมือนเดิม แต่ได้เพิ่มรายละเอียดมากขึ้นและมีความสมเหตุสมผลมากขึ้นในการกระทำของแต่ละคน และบุคลิกของตัวละครหลักแต่ละตัวก็ดูจริงจังมากขึ้น รวมถึงแรงจูงใจในการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกอย่างดูสมจริงมากขึ้น ไม่ล่องลอยเหมือนแต่ก่อน
หากเราเปรียบเทียบเนื้อเรื่องของเกมต้นฉบับกับหนังมาเฟียคลาสสิกอย่าง The Godfather การ Remake ก็จะเหมือนเป็นหนังในสไตล์ของผู้กำกับชื่อดังอย่างมาร์ติน สกอร์เซซี ผู้สร้าง Goodfellas และ The Irishman ซึ่งมีความร่วมสมัยมากขึ้นและเล่าเรื่องได้กระชับมากขึ้น จุดหลายๆ จุดจะดำเนินเรื่องได้เร็วกว่าต้นฉบับ แทบไม่มีจุดไหนที่รู้สึกอืดเลย เรียกได้ว่าตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปและเพิ่มรายละเอียดใหม่ๆ เข้าไปเพื่อให้เรื่องดำเนินไปเร็วขึ้น ซึ่งจุดนี้ทีมพัฒนาทำได้ดีมาก แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องของต้นฉบับนั้นค่อนข้างขาดความน่าสนใจอยู่แล้ว การนำมาเล่าใหม่ให้เล่าแบบกระชับขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าเกมดำเนินเรื่องเร็วกว่าที่คิดไว้ เพราะเกมตัดจุดเล่าเรื่องที่ยาวเกินไปออกไปหลายจุด ทำให้เกมสั้นลงกว่าเดิมมาก และตัวละครบางตัวที่เคยมีบทบาทก็ถูกตัดออกไปด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายนิดหน่อย
รีวิว Mafia Definitive Edition บรรยากาศอันสุดยอด กับ Content ที่เบาหวิว
หาก Mafia เวอร์ชันดั้งเดิมคือเกมที่สามารถถ่ายทอดบรรยากาศของอเมริกาในยุค 1930 ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว Mafia: Definitive Edition ก็ทำได้ยอดเยี่ยมในส่วนนี้ โดยได้ออกแบบเมืองใหม่ทั้งหมดโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เกิด Lost Haven ที่สวยงามและมีเสน่ห์ อาคาร ยานพาหนะ และชาวเมืองทั้งหมดล้วนถูกสร้างแบบจำลองมาอย่างแม่นยำ แค่ขับรถไปรอบๆ เมืองก็สนุกจนลืมเวลาไปได้เลย
นอกจากนี้ สถานที่ต่างๆ ในเกมยังได้รับการเพิ่มรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม เช่น บาร์ของ Saliari ที่ได้เพิ่มพื้นที่บางส่วนเข้าไปเพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น เมืองดูเหมือนเมืองมากขึ้น รวมถึงการโต้ตอบระหว่างคนเดินเท้าบนทางเท้าและบนถนนที่ดีขึ้น ในครั้งนี้ เกมมีช่องวิทยุที่รายงานข่าวโดยเล่นเพลงจากยุคนั้นซึ่งสร้างบรรยากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบรีวิว Mafia Definitive Edition
ภารกิจในเกมยังได้รับการปรับปรุงและออกแบบใหม่ให้ดีกว่าเดิมหรือให้สอดคล้องกับยุคสมัยมากขึ้น เช่นฉากแข่งรถสุดมันส์กลับมาอีกครั้ง แต่ได้รับการปรับปรุงให้เล่นง่ายขึ้นมากด้วยระบบการขับรถที่ปรับปรุงใหม่ (ซึ่งจะกล่าวถึงในส่วน Gameplay ในภายหลัง) ทำให้เล่นได้ง่ายขึ้นมาก อีกทั้งภารกิจอื่นๆ ก็ได้รับการออกแบบให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทำให้เราสัมผัสได้ว่าตัวเกมนั้นทันสมัยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถึงแม้บรรยากาศของเกมจะดี แต่เนื้อหาของเกมยังขาดๆ เกินๆ อยู่บ้าง เพราะนอกจากเนื้อเรื่องหลักของเกมแล้ว เนื้อเรื่องกลับไม่น่าสนใจเอาเสียเลย แม้ว่าเกมจะมีโหมด Free Ride ให้เล่น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการขับรถ ทดสอบอาวุธ หรือออกสำรวจเมือง ซึ่งทำให้ผู้เขียนคิดถึงโหมด Free Ride Extreme ของเกมต้นฉบับ รวมไปถึงภารกิจขโมยรถของลูคัสที่หายไป ทำให้ความอยากเล่นซ้ำน้อยลง
และเนื่องจากเนื้อเรื่องหลักของเกมมีความยาวประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งสั้นกว่าเกมต้นฉบับพอสมควร ดังนั้นการกลับมาเล่นอีกครั้งจึงจะเป็นเพียงการค้นหา Hidden Packages ต่างๆ รวมถึงรถพิเศษที่ซ่อนอยู่ในเมืองเท่านั้น ไม่มีอะไรโดดเด่นไปกว่านี้แล้ว
โดยรวมแม้ว่าบรรยากาศของเมืองจะสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เนื้อหาของเกมกลับน้อยเกินไปจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าแค่จบเกมก็แทบจะจบแล้ว ซึ่งเป็นปัญหาที่ซีรีส์เกมนี้มีมาตลอด หากในภาคต่อมีกิจกรรมหรือเนื้อเรื่องเพิ่มเติมอีกก็จะดีมากเลย
เรียบง่ายไม่โดดเด่น แต่ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด
ในด้านการเล่นเกมแม้จะไม่น่าตื่นเต้นมากนัก แต่ก็สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ระบบการยิงและการขับขี่ถือว่าได้รับการพัฒนามาจาก Mafia III มาอย่างยาวนาน ปัญหาการควบคุมที่ไม่ยืดหยุ่นได้รับการปรับปรุง ไม่มีกระจกมองหลังที่ไร้ประโยชน์อีกต่อไป หรืออาการฝืดเมื่อเลี้ยวรถที่ทำให้ขาและเท้าลาก เพราะได้รับการแก้ไขแล้ว ทำให้เราควบคุมรถได้คล่องตัวมากขึ้น
และในเกมนี้ เรามีมอเตอร์ไซค์ให้ขับซึ่งคล่องตัวกว่ารถยนต์ในระดับหนึ่งแต่ก็อันตรายกว่าเพราะถ้าเราชนเข้าสักครั้ง เราก็จะล้มลง หรือถ้าระหว่างภารกิจเราพบรถคันใหม่และขับมันไปจนสุด เราก็จะมีรถคันนั้นอยู่ในครอบครองด้วย หรือถ้าใครขยันหรือเข้าโหมด Free Ride เราก็สามารถเพิ่มรถเข้าไปในโรงรถได้
ระบบการยิง Mafia: Definitive Edition ยังพัฒนาการเล่นเกมจากภาคที่สามมาอย่างเต็มที่อีกด้วย จากภาคเดิมที่เป็นเกมยิงแบบยืนไม่มีระบบกำบัง ตอนนี้กลายมาเป็นเกมยิงแบบ Cover-Base Shooter หลบอยู่หลังกำบังแทน โดย Tommy นั้นไม่แม่นยำเท่า Lincoln ในภาค 3 แต่ทางทีมงานได้ทำให้ระบบการยิงนั้นใช้งานง่ายขึ้น แม้ว่าปืนแต่ละกระบอกจะมีแรงดีดกลับค่อนข้างเยอะก็ตาม แต่ถ้าคุณควบคุมปืนได้ดี คุณก็สามารถยิงและฆ่าศัตรูได้อย่างง่ายดาย
อีกส่วนหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงแต่ก็ยังไม่ค่อยดีนักคือระบบ Stealth ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของเกมภาค 3 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วย AI ของศัตรูที่ไม่ค่อยฉลาดนัก ทำให้ Stealth ในเกมนี้ขาดความท้าทายไปมาก โดยเฉพาะภารกิจที่ต้อง Stealth อาจสร้างความรำคาญได้พอสมควร แต่โชคดีที่ไม่ค่อยมีภารกิจแบบนี้มากนัก เพราะถ้ามีมากกว่านี้เกมก็คงไม่สนุกเท่าไหร่
อีกส่วนหนึ่งที่ยังมีข้อบกพร่องเล็กน้อยคือการไล่ล่าของตำรวจ โดยในภาคนี้ระบบหลบหนีของตำรวจได้ถูกปรับเปลี่ยนให้คล้ายกับเกม GTA V คือเราต้องหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ด้วยผังเมืองที่มีตรอกซอกซอยมากมาย ทำให้หลบหนีการไล่ล่าได้ง่ายมาก แม้ว่าค่าหัวจะเต็ม 5 ดาวก็ตาม และตำรวจเองก็ไม่มีอาวุธหนักที่เราต้องกังวลมากนัก
แม้ว่ารูปแบบการเล่นโดยรวมจะดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นหรือมีความน่าสนใจเพียงพอที่จะเปรียบเทียบกับเกม AAA อื่นๆ ในตลาดได้ มันไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่จนเล่นไม่ได้รีวิว Mafia Definitive Edition